วันพฤหัสบดีที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2556


Image

เพราะชายหญิงมีธาตุที่แตกต่างกันจึงมีวิธีการที่แตกต่างกัน จะเชื่อหรือไม่ก็ตาม แหวนวงน้อยนี้ สามารถคุ้มครองผู้สวมใส่ได้เช่นกัน เรื่องนี้เป็นวัฒนธรรมที่มีมาแต่โบราณกาล อย่างที่ขุดได้ในกรุสมัยโบราณ ลองไปดูที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยาที่จังหวัดอยุธยา ก็จะมีแหวนหยกแหวนทองคำแท้และรัตนชาติต่าง ๆ รวมอยู่ด้วย สิ่งนี้เป็นหลักฐานพยานที่ดีอย่างยิ่ง ลองดูรายละเอียดต่อไปนี้
ผู้ที่เกิดวันอาทิตย์
ท่านที่เกิดวันอาทิตย์ ผู้หญิงให้สวมแหวนมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมแหวนมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำจากทองแท้ เงินแท้หรือหยก ถึงจะส่งพลังดีๆ ออกมาคุ้มครอง ในการสวมแหวน หากเป็นผู้ชายให้เน้นไปที่นิ้วกลาง และนิ้วชี้ อันหมายถึงพลังอำนาจการปกครอง และวาสนาบารมี แต่หากจะสวมแหวนที่นิ้วหัวแม่มือก็ขอให้ดูตัวเองก่อน เพราะการสวมที่หัวแม่มือนั้น ต้องเป็นผู้มีเงินทองแบบหลงจู๊อยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะเกินวาสนาตน ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมมือซ้ายนิ้วนาง หรือนิ้วกลาง ก็จะเสริมพลังของตัวเองให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง นอกจากนี้ในการสวมแหวนหลายวงในนิ้วเดียวกันนั้นไม่ควรทำ จะทำให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ
ผู้ที่เกิดวันจันทร์
ท่านที่เกิดวันจันทร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยทองคำ เงิน นาค โลหะผสม หรือหินสีต่างๆ ก็ได้ แต่ควรเป็นแหวนที่วงค่อนข้างผอม บาง หัวแหวนเล็กๆ จึงจะสอดคล้องกับผู้ที่เกิดในวันจันทร์ ผู้ชายควรสวมแหวนเน้นไปที่นิ้วชี้ นิ้วนาง นิ้วกลาง ก็จะเสริมดวงและคุ้มครอง ห้ามสวมแหวนนิ้วก้อยและนิ้วหัวแม่มือเด็ดขาด ส่วนผู้หญิงก็ให้สวมที่นิ้วกลาง นิ้วนาง นิ้วก้อย ก็จะเกิดความเจริญรุ่งเรือง สร้างพลังแห่งเมตตามหานิยมแก่เจ้าของ ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ และนิ้วหัวแม่มือ สามารถสวมแหวนซ้อนกันสองวงได้ แต่ถ้าเป็นสามวงซ้อนในนิ้วเดียวกันไม่ควรอย่างยิ่ง จะทำให้เกิดความผิดพลาดในเรื่องของความรักได้ง่าย ๆ
ผู้ที่เกิดวันอังคาร
ท่านที่เกิดวันอังคาร ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมนิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยอะไรก็ได้ แต่ไม่ควรเป็นของที่แตกหักได้ ตัวแหวนควรค่อนข้างหนาสักหน่อยจึงจะดี หัวแหวนควรใหญ่เช่นกัน ก็จะสามารถเหนี่ยวนำความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมไว้ที่นิ้วกลาง นิ้วชี้ ก็จะคุ้มครองผู้สวมใส่ ไม่ควรสวมแหวนนิ้วนางหรือนิ้วก้อย จะทำให้ไม่มีพลัง ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วกลาง นิ้วชี้ และนิ้วนางเท่านั้น ก็จะส่งพลังคุ้มครองในทุกเรื่องไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อยจะทำให้เสียพลังที่ เข้มแข็ง ที่สำคัญการสวมแหวนซ้อนกันหลายวงในนิ้วเดียวกันสามารถทำได้ ไม่ได้ทำให้เกิดการสูญเสียหรือมีผลใด ๆ ในเรื่องของความรัก
ผู้ที่เกิดวันพุธ
ท่านที่เกิดวันพุธ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายให้สวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทอง เงินหรือหยก ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว ไม่ควรหนาหรือบางจนเกินไป หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ หรือทำเป็นรูปเหลี่ยมๆ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนไว้ที่นิ้วชี้ นิ้วกลางหรือนิ้วนางก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุก ๆ เรื่อง นอกจากนี้ยังสามารถสวมแหวนหลายวงหลายนิ้วพร้อมกันได้ หรือจะซ้อนในนิ้วเดียวกันหลายวงก็ได้ ไม่ทำให้เกิดผลเสียในเรื่องของความรักอย่างแน่นอน
ผู้ที่เกิดวันพฤหัส
ท่านที่เกิดวันพฤหัส ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือข้างขวา ตัวเรือนทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงิน หรือทองคำขาว ตัวแหวนควรพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีประกายส่องสว่าง ถึงจะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ก็ได้ หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนนิ้วก้อย ส่วนผู้หญิงควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุก ๆ เรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก
ผู้ที่เกิดวันศุกร์
ท่านที่เกิดวันศุกร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงิน หรือทำจากหิน ตัวแหวนควรมีลักษณะเป็นแฟชั่นหยักๆ หรือเป็นคลื่น หัวแหวนควรมีสีสัน หรือเป็นแหวนหลายหัวก็ได้ จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง นิ้วนาง หรือนิ้วก้อย หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน ส่วนผู้หญิงสามารถสวมแหวนนิ้วไหนก็ได้ในทุกนิ้ว จะสามารถคุ้มครองได้ในทุกๆ เรื่อง แต่การสวมแหวนซ้อนกันมากจนเกินไป จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก หรือจะกลายเป็นคนที่รักอิสระจนเกินกว่าจะควบคุมได้
ผู้ที่เกิดวันเสาร์

ท่านที่เกิดวันเสาร์ ผู้หญิงให้สวมที่นิ้วมือข้างซ้าย ส่วนผู้ชายสวมที่นิ้วมือขวา ตัวเรือนควรทำด้วยวัสดุธรรมชาติอย่าง ทองคำ เงิน หรือหิน ตัวแหวนควรมีความพอดีกับนิ้ว หรือค่อนข้างใหญ่หน่อยก็ยังดี หัวแหวนควรทำด้วยรัตนชาติแท้ แต่ควรจะมีสีค่อนข้างเข้ม จะสามารถเพิ่มพลังของความเจริญรุ่งเรืองได้ ผู้ชายควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือจะใส่ที่นิ้วหัวแม่มือก็ได้เช่นกัน แต่ไม่ควรสวมแหวนที่นิ้วก้อย หรือนิ้วนาง จะเสียพลังในการคุ้มครอง ส่วนผู้หญิง ควรสวมแหวนที่นิ้วชี้ นิ้วกลาง หรือนิ้วนาง ก็จะสามารถคุ้มครองได้ในทุก ๆ เรื่อง นอกจากนี้ไม่ควรสวมแหวนพร้อมกันหลายวง จะทำให้เสียพลังในเรื่องของความรัก เปรียบเหมือนการมีรักซ้อนซ่อนรัก



เพชร เป็นอัญมณีล้ำค่าที่ธรรมชาติให้มา มีความสวยงาม น่าหลงไหล และเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีบันทึกไว้ในศตวรรษที่ ก่อนคริสตกาลว่า เพชรเป็นสิ่งหมัศจรรย์ ลึกลับ น่าพิศวง มีตำนาน นิทาน เรื่องเล่า ที่เล่าขานเกี่ยวกับเพชรอย่างมากมาย เป็นเวลากว่า 2,000 ปีมาแล้ว ที่มีการแสวงหาเพชรมาเป็นทรัพย์สมบัติส่วนตัว มาสวมใส่เป็นอาภรณ์ประดับกาย และเป็นของขวัญสำหรับความรัก
คนอินเดียสมัยโบราณเชื่อว่า เพชรมีพลังอำนาจทำให้ได้รับชัยชนะ และยังใช้เพชรประดับเทวรูปเพื่อสักการะ บูชา แม้กระทั่งกษัตริย์ของ อินเดียสมัยนั้นก็นิยมใช้เพชรเพื่อป้องกันภัยจากปีศาจร้าย ยามทำศึกสงคราม ในสมัยก่อนมักนิยมสวมใส่เพชร เพื่อแสดงถึงสัญลักษณ์ของความกล้าหาญประชาชนในกรีซและโรมันสมัยโราณมีความเชื่อว่าเพชรสามารถรักษาบาด แผลได้ ในสมัยกลาง (Middle Ages) เชื่อกันว่า เพชรช่วยป้องกันโรคระบาดได้เพชรมีอำนาจในการป้องกันเจ้าของผู้สวมใส่ให้รอดพ้นจากสิ่งชั่ว ร้าย ภยันตรายทั้งปวง จักรพรรดินโปเลียนเชื่อถือในอำนาจลึก ลับของเพชร จึงได้นำเพชรไป ฝังไว้ในด้านดาบที่นำไปใช้ในวันราชาภิเษก สมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ แห่งอังกฤษ ทรง ประดับเพชรไว้ที่พระอะร เพื่อ ป้องกันโรคติดต่อมีให้ย่างกรายมาถึงพระองค์ ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าเพชรสามารถประสานรอยร้ายของคู่สามีภรรยา ได้ ตราบถึงปัจจุบันความ เชื่อเรื่องนี้ก็ยังคงหลงเหลืออยู่ส่วนในหมู่หญิงสาวทั้งหลายต่างก็เชื่อว่าเพชรเป็นสัญลักษณ์ของ ความรักบริสุทธิ์นิรันดร เพชร ได้รับการผูกพันเข้ากับเรื่องความรัก เพราะเพชรก็เช่นเดียวกับความรักที่เป็นหนึ่งและล้ำค่า คำว่า "เพชร" เริ่มปรากฎให้เห็นในหนังสือภาษาสันสกฤตระหว่างศตวรรษที่ 4 ก่อนคริสตกาล สำหรับโลกตะวันตกนั้น
           คำว่า "Diamond" ในภาษาอังกฤษ มีรากศัพท์มาจากภาษากรีก คำว่า "Adamas" หมายความว่า ไม่สามารถเอาชนะได้ เทียบได้กับคำว่า "Diamas" ใน ภาษาละติน "Vairam" ในภาษาทมิฬ "Vajra", "Hira", "Hirak" ในภาษาสันสกฤต และ "Almas" ในภาษาอารบิก คำเหล่านี้ใช้เรียกโลหะที่มีความแข็งหรือแร่ในสมัยโบราณ 
          ชาวกรีกโบราณเชื่อกันว่า เพชรคือสะเก็ดดาวที่ตกสู่โลกมนุษย์ ประกายสุกใสดุจไฟในเพชร สะท้อนถึงเปลวไฟแห่งความรักที่คุกรุ่น อยู่เสมอบ้างก็กล่าวว่า เพชรคือหยดน้ำตาของพระเจ้า บางตำนานถึงกับเล่าว่ามีหุบเขาตอนกลาง ของทวีปเอเชียที่มนุษย์ไม่อาจเข้าไปถึง ที่นั่นเต็มไปด้วยเพชร มีนกและงูร้ายเฝ้าดูแลอยู่

ขอขอบคุณ ข้อมูลจาก:www.tlcthai.com